ปัญหาผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใสและมีริ้วรอย เกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายใน เช่น การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง และการทำงานของผิวตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น และปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด การนอนหลับพักผ่อน ความเครียด หรือแม้แต่การใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ ก็ล้วนส่งผลต่อสภาพผิวโดยตรง

ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีความงามที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและปรับสภาพผิวให้ดูขาวใสเรียบเนียนขึ้นด้วย กรดผลไม้ AHA ซึ่งมีความปลอดภัย ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง

กรดผลไม้ AHA คืออะไร?
กรดผลไม้ AHA (เอเอชเอ) หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) คือ สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น

* กรดซีตริก (Citric Acid) จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

* กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) จากองุ่น

* กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) จากอ้อย

* กรดมาลิก (Malic Acid) จากแอปเปิ้ล

* กรดแลคติก (Lactic Acid) จากนมเปรี้ยว

ซึ่ง AHA ถูกนำมาใช้ในการคืนความอ่อนเยาว์และบำรุงผิวกันอย่างแพร่หลาย โดยเป็นส่วนผสมของสกินแคร์ เครื่องสำอางต่างๆ ทั้งนี้ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของ AHA ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ขณะที่ในวงการแพทย์ผิวหนัง มีการนำกรดผลไม้ AHA มาใช้เพื่อรักษาสิว ฝ้า รอยด่างดำ ริ้วรอยเหี่ยวย่น รวมถึงติ่งเนื้อเล็กๆ บริเวณใบหน้าและลำคอ

กระบวนการทำงานของกรดผลไม้ AHA ออกฤทธิ์อย่างไร?
กรดผลไม้ AHA จะออกฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น ช่วยให้เซลล์ผิวเก่าบนผิวหน้าหลุดออก ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่บริเวณหนังกำพร้าขึ้นมาแทนที่ พร้อมทั้งช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อหรือคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวดูขาวใส เรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์

AHA ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

* ช่วยลดเลือนริ้วรอย คืนความอ่อนเยาว์ : หลังทำ AHA จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยต่างๆ ลดเลือนลง ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอได้เร็วขึ้น

* AHA ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว : AHA สามารถช่วยปรับสมดุลค่าพีเอชให้แก่ผิว จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี

* AHA ช่วยป้องกันสิว ลดจุดด่างดำ : เนื่องจาก AHA จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป รวมถึงยังกำจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขน จึงช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรก ช่วยลดอาการอักเสบ กระชับรูขุมขน และยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่าเดิม และรอยสิวจางลง ใบหน้าจึงขาวใสขึ้น

การผลัดผิวหน้าด้วย AHA เหมาะกับใคร?

* คนที่มีผิวแห้ง ผิวธรรมดา ที่เริ่มมีสัญญาณของความเสื่อมสภาพ

* คนที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ หมองคล้ำ มีรอยด่างดำ

* คนที่ผิวโดนแสงแดดทำร้าย (Glycolic Acid จะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น)

* มีจุดด่างดำอันเนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น (age spot), ฝ้า, และรอยแผลเป็น

* คนที่มีผิวแพ้ง่าย (Lactic Acid เป็นชนิดที่อ่อนโยนที่สุดในตระกูล AHA)

* คนที่มีรูขุมขนกว้าง และมีริ้วรอยขนาดเล็ก

 AHA กับ BHA แตกต่างกันอย่างไร?

* AHA เป็นสารสกัดจากผลไม้ เช่น กรดซีตริกจากมะนาว ส้ม กรดมาลิกจากแอปเปิ้ล กรดแลคติกจากนมเปรี้ยว เป็นต้น โดย AHA เป็นสารที่ละลายได้ในน้ำ ทำปฏิกิริยาบริเวณผิวชั้นนอก จึงเหมาะกับผิวแห้งไปจนถึงผิวธรรมดา มีคุณสมบัติหลัก คือ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ปรับสภาพผิว สีผิวที่คล้ำ และไม่สม่ำเสมอให้ขาวใสขึ้น และยังช่วยในเรื่องริ้วรอย ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นได้

* BHA ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ ซาลิไซลิก (Salicylic Acid) สกัดจากเปลือกของต้น Willow หรือต้นหลิวจีน โดย BHA มีความแตกต่างจาก AHA คือ เป็นสารที่ละลายในไขมันได้ จีงสามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนไปจนถึงต่อมไขมัน ทำความสะอาดรูขุมขนได้ล้ำลึก จึงเหมาะกับคนที่มีผิวมัน และใช้ในการรักษาสิวเป็นหลัก

AHA BHA

Alpha Hyroxy Acid Beta Hydroxy Acid

สกัดจากผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิ้ล มะนาว สกัดจากเปลือกไม้ Willow

ละลายในน้ำ ละลายในไขมัน

เหมาะกับผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวแพ้ง่าย เหมาะกับผิวมัน รูขุมขนกว้าง

ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยทำความสะอาดผิว

ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูใสขึ้น ช่วยรักษาสิว ลดรูขุมขน

ขั้นตอนการปรับสภาพผิวหน้าด้วยกรดผลไม้ ต้องทำอย่างไร?

1. ทำความสะอาดใบหน้า และซับหน้าให้แห้ง

2. ใช้ผ้าก๊อซปิดตาหรือหลับตาให้สนิท ป้องกันกรดผลไม้ AHA เข้าตา เพราะจะทำให้ตาอักเสบ ระคายเคืองอย่างรุนแรงได้

3. แพทย์จะใช้กรดผลไม้ที่มีความเข้มข้นสูงทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า โดยเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นจะถูกกำหนดโดยแพทย์ ตั้งแต่ 30-70% ซึ่งประเมินจากสภาพผิวของแต่ละคนที่แตกต่างกัน

4. ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที ขณะทำอาจมีความรู้สึกแสบคันบ้างเล็กน้อย

5. เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วจึงล้างออก

6. ใช้เครื่องทำความเย็นนวดคลึงที่ใบหน้า เพื่อความสบายและกระชับผิวหน้า

ทำ AHA กี่ครั้งจึงเห็นผล?
ในช่วงแรกของการปรับสภาพผิว แพทย์จะแนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว จากนั้นอาจเว้นระยะห่าง โดยทำเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อคงสภาพผิวหน้าที่ดีไว้

ขณะทำ AHA แสบผิวหรือไม่?
ขณะที่ทำการปรับสภาพผิว แพทย์จะทากรดผลไม้ที่ผิวหน้า อาจมีความรู้สึกแสบยิบๆ เล็กน้อย cแต่อาการนี้จะหายได้เอง และสามารถแต่งหน้าได้ ในบางเคสอาจมีผิวหนังลอกเป็นขุยเล็กน้อย เมื่อบำรุงผิวหน้าด้วยการทาครีมบํารุงให้ความชุ่มชื้น ผิวก็จะกลับมาเป็นปกติ

การดูแลผิวหน้าหลังการปรับสภาพผิวด้วย AHA

* หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะ 6 ชั่วโมงแรกหลังการปรับสภาพผิว เนื่องจากแสงแดดอาจทําให้ผิวแสบระคายเคือง และดําคล้ำ

* ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ก่อนออกแดดอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เนื่องจากแสงแดดเป็นตัวการสําคัญที่ทําให้ผิวเกิดรอยเหี่ยวย่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวหมองคล้ำ

AHA ต่างกับการ MASK ไหม?
มาสก์หน้าหลายยี่ห้อเป็นสูตรที่มีส่วนผสมของ AHA ช่วยปรับผิวให้ขาวใส แต่มีปริมาณ AHA ที่ไม่ได้เข้มข้นมาก และการมาสก์หน้าทุกวันอาจเป็นการรบกวนผิวได้ โดยเฉพาะมาสก์สูตรปรับผิวขาวใส ควรมาสก์แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ เพราะยิ่งผลัดเซลล์ผิวออกบ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะทำให้ผิวบางลงเท่านั้น ทั้งยังอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนเวลาเจอแสงแดดได้
          หากอยากจะมาสก์หน้าทุกวัน ควรเลือกมาสก์แผ่นที่มีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยไม่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว

การผลัดผิวหน้าด้วย AHA ด้วยตัวเองอันตรายหรือไม่?
โดยทั่วไป การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ในรูปแบบครีมทาผิวที่ระดับความเข้มข้นไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ค่อนข้างปลอดภัย แต่หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ AHA ที่มีความเข้มข้นมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น


          ทั้งนี้ การปรับภาพผิวด้วยเทคโนโลยีความงาม กรดผลไม้ AHA ที่ศูนย์ความงามโรงพยาบาลพญาไท 3 จะมีการใช้ AHA ที่มีความเข้มข้นสูงที่ 30-70% และมีความถี่ในการทำที่เหมาะสม อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง  
          อย่างไรก็ตาม การใช้ AHA อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย เช่น เกิดการระคายเคือง ผิวบวมแดงหรือคัน ผิวแห้ง ผิวลอก สีผิวไม่เท่ากัน และผิวไวต่อแดด ดังนั้นควรให้แพทย์ประเมินการใช้ตามความเหมาะสม และควรทาครีมกันแดดเสมอเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด